วันศุกร์ที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561

ความเป็นมาของขนมไทย

      ในสมัยโบราณคนไทยจะทำขนมเฉพาะวาระสำคัญเท่านั้น เป็นต้นว่างานทำบุญ เทศกาลสำคัญ หรือต้อนรับแขกสำคัญ เพราะขนมบางชนิดจำเป็นต้องใช้กำลังคนอาศัยเวลาในการทำพอสมควร ส่วนใหญ่เป็น ขนบประเพณี เป็นต้นว่า ขนมงาน เนื่องในงานแต่งงาน ขนมพื้นบ้าน เช่น ขนมครก ขนมถ้วย ฯลฯ ส่วนขนมในรั้วในวังจะมีหน้าตาจุ๋มจิ๋ม ประณีตวิจิตรบรรจงในการจัดวางรูปทรงขนมสวยงาม  ขนมไทยดั้งเดิม มีส่วนผสมคือ แป้ง น้ำตาล กะทิ เท่านั้น ส่วนขนมที่ใช้ไข่เป็นส่วนประกอบ เช่น ทองหยิบ ทองหยอด เม็ดขนุน นั้น มารี กีมาร์ เดอ ปีนา (ท้าวทองกีบม้า) หญิงสาวชาวโปรตุเกส เป็นผู้คิดค้นขึ้นมา ขนมไทยที่นิยมทำกันทุกๆ ภาคของประเทศไทย ในพิธีการต่างๆ ก็คือขนมจากไข่ และเชื่อกันว่าชื่อและลักษณะของขนมนั้นๆ เช่น รับประทานฝอยทอง เพื่อหวังให้อยู่ด้วยกันยืดยาว มีอายุยืน รับประทาน ขนมชั้นก็ให้ได้เลื่อนขั้นเงินเดือน รับประทาน ขนมถ้วยฟูก็ขอให้เจริญ รับประทานขนมทองเอก ก็ขอให้ได้เป็นเอก เป็นต้น  ในสมัยรัชกาลที่ 5 มีการพิมพ์ตำราอาหารออกเผยแพร่ รวมถึงตำราขนมไทยด้วย จึงนับได้ว่าวัฒนธรรมขนมไทยมีการบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษรครั้งแรก ตำราอาหารไทยเล่มแรกคือแม่ครัวหัวป่าก์ ในสมัยต่อมาเมื่อการค้าเจริญขึ้นในตลาดมีขนมนานาชนิดมาขาย และนับว่าเป็นยุคที่ขนมไทยเป็นที่นิยม


ขนมไทยโบราณ “ขนมมงคล 9 อย่าง”


    “  ขนมไทย“ เอกลักษณ์ ของความเป็นไทย นอกจากจะมี ความงดงามวิจิตร ละเอียดอ่อน พิถีพิถันในทุก ขั้นตอนการทำ แล้วยังมีรสชาติที่อร่อย หอมกลิ่น พืชพรรณ จาก ธรรมชาติ และ กลิ่นอบร่ำควันเทียน อีกทั้ง ขนม แต่ละชนิดยังมีชื่อเรียกที่ บ่งบอก ถึง คุณค่า และแฝงไปด้วย ความหมาย อันเป็น สิริมงคล 
ขนมมงคล 9 อย่าง ได้เเก่ ทองหยิบ ทองหยอด ฝอยทอง ขนมชั้น ขนมทองเอก ขนมเม็ดขนุน ขนมจ่ามงกุฏ 
                                   ขนมเสน่ห์จันทร์ ขนมถ้วยฟู

อ้างอิง : https://kanokkan123456789.wordpress.com/%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B9%87%E0%B8%99%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%82%E0%B8%99/
https://www.youtube.com/watch?v=JQN8ZEuowFU

ขนมไทยภาคเหนือ


       ส่วนใหญ่จะทำจากข้าวเหนียว และส่วนใหญ่จะใช้วิธีการต้ม เช่น ขนมเทียน ขนมวง ข้าวต้มหัวหงอก มักทำกันในเทศกาลสำคัญ เช่นเข้าพรรษา สงกรานต์ ขนมที่นิยมทำในงานบุญเกือบทุกเทศกาลคือขนมใส่ไส้หรือขนมจ๊อก ขนมที่หาซื้อได้ทั่วไปคือ ขนมปาดซึ่งคล้ายขนมศิลาอ่อน ข้าวอีตูหรือข้าวเหนียวแดง ข้าวแตนหรือข้าวแต๋น ขนมเกลือ ขนมที่มีรับประทานเฉพาะฤดูหนาว ได้แก่ ข้าวหนุกงา ซึ่งเป็นงาคั่วตำกับข้าวเหนียว ถ้าใส่น้ำอ้อยด้วยเรียกงาตำอ้อย ข้าวแคบหรือข้าวเกรียบว่าว ลูกก่อ ถั่วแปะยี ถั่วแระ ลูกลานต้มในจังหวัดแม่ฮ่องสอน ขนมพื้นบ้านได้แก่ ขนมอาละหว่า ซึ่งคล้ายขนมหม้อแกง ขนมเปงม้ง ซึ่งคล้ายขนมอาละหว่าแต่มีการหมักแป้งให้ฟูก่อน ขนมส่วยทะมิน ทำจากข้าวเหนียวนึ่ง น้ำตาลอ้อยและกะทิ ในช่วงที่มีน้ำตาลอ้อยมากจะนิยมทำขนมอีก 2 ชนิดคือ งาโบ๋ ทำจากน้ำตาลอ้อยเคี่ยวให้เหนียวคล้ายตังเมแล้วคลุกงา กับ แปโหย่ ทำจากน้ำตาลอ้อยและถั่วแปยี มีลักษณะคล้ายถั่วตัด
                                                ขั้นตอนเเละวิธีการทำขนมเทียน
                                                
ขนมเทียนไส้หวาน

ขนมเทียนไส้เค็ม


ส่วนผสม
1. แป้งข้าวเหนียว 1 กิโลกรัม
 2. น้ำตาลโตนด 2 ถ้วยตวง (สำหรับทำตัวแป้ง)
 3. น้ำตาลโตนด 1 1/2 ถ้วยตวง (สำหรับทำไส้)
 4. ถั่วเขียวกะเทาะเปลือกนึ่ง 2 ถ้วยตวง
 5. น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ
 6. พริกไทย 1 ช้อนชา
 7. น้ำมัน 3 ช้อนโต๊ะ
 8. มะพร้าวขูด 2 ถ้วยตวง
 9. เกลือป่น 1 1/2 ช้อนชา
 วิธีทำ
1. เริ่มจากทำตัวแป้งก่อนโดย นำน้ำตาลโตนดไปเคี่ยวจนเหนียวแล้วจึงนำไปนวดกับแป้งข้าวเหนียวจนเข้ากัน
2. เตรียมทำไส้หวาน โดยนำน้ำตาลโตนดเคี่ยวกับมะพร้าวจนแห้งจึงปิดไฟ ทิ้งไว้ให้เย็นแล้วปั้นเป็นก้อนกลมๆ  สำหรับไส้เค็ม ให้นำน้ำมันใส่กระทะไปตั้งบนไฟร้อนปานกลาง จากนั้นใส่ถั่วนึ่ง, พริกไทย, เกลือและน้ำตาลทราย ผัดจนหอมและส่วนผสมเข้ากันทั่วจึงปิดไฟ และทิ้งไว้ให้เย็น
3. ห่อขนมโดยตัดใบตองเป็นแผ่นๆ เช็ดให้สะอาดและทาด้วยน้ำมันนิดหน่อย ตักแป้งใส่แล้วห่อไส้เค็มหรือไส้หวานตามชอบ จากนั้นนำแป้งอีก ก้อนวางลงบนไส้ ห่อให้เป็นรูปสามเหลี่ยม นำไปนึ่งประมาณ 30 นาทีจนสุกดี

                                    ขั้นตอนเเละวิธีการทำขนมอาละหว่า
                                    




ส่วนผสม

1. แป้งข้าวเจ้า 500 กรัม

2. กะทิ 300 กรัม

3. น้ำตาลทราย 200 กรัม

4. เกลือ ¼ ช้อนชา

วิธีทำ 

1. นำแป้ง กะทิน้ำตาล ผสมกัน ตั้งไฟอ่อน ๆ กวนให้เข้ากัน จนสุก 

2. เทส่วนผสมที่ได้ ลงในถาดกลมขนาดใหญ่ ใช้หัวกระทิ เทราดหน้าขนม

3. ใช้กาบมะพร้าวเผา โดยใช้สังกะสี รองหน้าขนมไว้ เผากาบมะพร้าวจนหน้าขนมเหลือง สวยงาม

4. เมื่อขนมเย็น ตัดเป็นชิ้น ๆ แล้วรับประทาน


ขนมไทยภาคกลาง

    ขนมไทยภาคกลางส่วนใหญ่ทำมาจากข้าวเจ้า เช่น ข้าวตัง นางเล็ด ข้าวเหนียวมูน เเละมีขนมที่หลุดลอดมาจากรั้ววังจนเเพร่สู่สามัญชนทั่วไปเช่น ลูกชุบ หม้อข้าวหม้อเเกง ฝอยทอง ทองหยิบ เป็นต้น 

                       ขั้นตอนเเละวิธีการทำข้าวเหนียวมูน

                                   


ส่วนผสม
1. ข้าวเหนียว 1 กิโลกรัม
2. หัวกะทิ 450 กรัม
3. เกลือป่น 3/4 ช้อนชา


4. น้ำตาลทราย 550 กรัม


5. ใบเตย 3-5 ใบ


6. ถั่วทอง 5 ช้อนโต๊ะ


7. น้ำใบเตย, น้ำแครอท, น้ำดอกอัญชัญหรือสีผสมอาหารตามชอบ
วิธีทำ

1. นำข้าวเหนียวไปล้างทำความสะอาดและแช่น้ำทิ้งไว้ 1 คืน จากนั้นนำไปสะเด็ดน้ำ (กรณีต้องการทำข้าเหนียวที่มีสีต่างๆ ก็ให้ใส่สีลงไปในน้ำที่แช่ค้างคืนไว้ด้วย)
2. นำผ้าขาวบางรองไว้ในซึ้งหรือหม้อนึ่ง แล้วจึงนำข้างเหนียววางลงบนผ้าขาวบาง จากนั้นนำไปนึ่งจนข้าว  เหนียวสุก
3. ในหม้อขนาดเล็ก ใส่น้ำตาล, เกลือป่น (3/4 ช้อนชา) และหัวกะทิ และนำไปตั้งบนไฟอ่อนๆ คนจนส่วนผสมทั้งหมดเข้ากันดี จากนั้นจึงใส่ใบเตยลงไป ทิ้งไว้สักพักจึงปิดไฟ
4. ในชามขนาดกลาง ใส่ข้าวเหนียวที่นึ่งไว้จนสุกดีแล้วลงไป จากนั้นจึงใส่น้ำกะทิที่เคี่ยวไว้ในขั้นตอนที่สามตามลงไป คนจนส่วนผสมเข้ากันทั่ว และทิ้งไว้อย่างน้อย 15 นาที ก็สามารถนำไปเสริฟได้ (เวลาเสริฟอาจโรยหน้าด้วยถั่วทอง)

หมายเหตุ : ข้าวเหนียวมูนสามารถนำไปทานกับ มะม่วงสุก หรือทานกับสังขยา, หรือทานเป็นข้าวเหนียวมูนหน้ากุ้ง + หน้าปลาแห้งและอื่นๆ
                                     ขั้นตอนเเละวิธีการทำลูกชุบ
                                    


ส่วนผสม


1. ถั่วเขียวนึ่งสุกบดละเอียด 1 กิโลกรัม

2. น้ำตาลทราย 2 1/2 ถ้วยตวง

3. หัวกะทิ (มะพร้าว 400 กรัม) 1 ถ้วยตวง

4. สีผสมอาหารสีต่างๆ
 ส่วนที่ชุบ


5. วุ้นผง 1 1/2 ช้อนโต๊ะ


6. น้ำ 2 1 /2 ถ้วยตวง


7. น้ำตาลทราย 1 ถ้วยตวง                                                  

 วิธีทำ


 1. ผสมถั่วบด น้ำตาลทราย กะทิ เข้าด้วยกัน ยกขึ้นตั้งไฟ


  2. กวนด้วยไฟอ่อนๆ จนล่อนจับกันไม่ติดกระทะ


 3. พักถั่วกวนไว้ให้เย็น นำมาปั้นเป็นรูปผลไม้ต่างๆตามต้องการ เสียบไม้ไว้


 4. ใช้พู่กันจุ่มสีระบายลงบนขนมที่ปั้น โดยระบายเลียนแบบของจริง ทิ้งไว้ให้แห้งจึงนำไปชุบวุ้น


 5. ผสมวุ้นกับน้ำยกขึ้นตั้งไฟ ให้ละลายก่อนจึงใส่น้ำตาลทราย เคี่ยววุ้นจนข้น


 6. เอาขนมที่ปั้นแล้วเสียบไม้ ลงชุบวุ้นครั้งเดียวให้ทั่ว ทิ้งไว้จนแห้งแล้วชุบอีก ทำเช่นนี้ประมาณ 3- 4 ครั้ง                   จะชุบแต่ละครั้งต้องให้เย็น วุ้นแข็งตัวก่อนทุกครั้ง


 7. เมื่อวุ้นแข็งจึงเอาไม้เสียบออก ตกแต่งด้วยก้านและใบให้สวยงาม



วันอังคารที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561

ขนมไทยภาคอีสาน

    เป็นขนมที่ทำกันง่ายๆ ไม่พิถีพิถันมากเหมือนขนมภาคอื่น ขนมพื้นบ้านอีสานได้แก่ ข้าวจี่ บายมะขาม หรือมะขามบ่ายข้าว  ข้าวโป่ง นอกจากนั้นมักเป็นขนมในงานบุญพิธี ที่เรียกว่า ข้าวประดับดิน โดยชาวบ้านนำข้าวที่ห่อใบตอง มัดด้วยตอกแบบข้าวต้มมัด กระยาสารท ข้าวทิพย์ ข้าวยาคู ขนมพื้นบ้านของจังหวัดเลยมักเป็นขนมง่ายๆ เช่น ข้าวเหนียวนึ่งจิ้มน้ำผึ้ง ข้าวบ่ายเกลือ คือข้าวเหนียวปั้นเป็นก้อนจิ้มเกลือให้พอมีรสเค็ม ถ้ามีมะขามจะเอามาใส่เป็นไส้เรียกมะขามบ่ายข้าว น้ำอ้อยกะทิ ทำด้วยน้ำอ้อยที่เคี่ยวจนเหนียว ใส่ถั่วลิสงคั่วและมะพร้าวซอย ข้าวพองทำมาจากข้าวตากคั่วใส่มะพร้าวหั่นเป็นชิ้นๆ และถั่วลิสงคั่ว กวนกับน้ำอ้อยจนเหนียวเทใส่ถาด ในงานบุญต่างๆจะนิยมทำขนมปาด (คล้ายขนมเปียกปูนของภาคกลาง) ลอดช่อง และขนมหมก (แป้งข้าวเหนียวโม่ ปั้นเป็นก้อนกลมใส่ไส้กระฉีก ห่อเป็นสามเหลี่ยมคล้ายขนมเทียน นำไปนึ่ง)  ข้าวจี่   ข้าวจี่ทำไม่ยาก เพียงนึ่งข้าวเหนียวเตรียมไว้    ก่อนปิ้งจะเสียบด้วยไม้เสียบลูกชิ้นสักหน่อยก็ดี  ปิ้งไปให้ข้าวส่วนนอกเริ่มแข็ง หอมกลิ่นข้าวไหม้ ปิ้งไปให้ข้าวส่วนนอกเริ่มแข็ง หอมกลิ่นข้าวไหม้ เราก็เอาข้าวที่ปิ้งนี้ ไปชุบกับไข่ให้ทั่ว  เราก็เอาข้าวที่ปิ้งนี้ ไปชุบกับไข่ให้ทั่ว   จะใช้แปรงนุ่มๆชุบไข่แล้วมาทาข้าวก็ได้ค่ะ แล้วแต่ถนัด จะใช้แปรงนุ่มๆชุบไข่แล้วมาทาข้าวก็ได้ค่ะ แล้วแต่ถนัด 
                                       ขั้นตอนและวิธีการทำข้าวโป่ง


ส่วนผสม

1. น้ำตาล


2. ข้าวเหนียวหรือข้าวเหนียวดำแช่น้ำประมาณ4-5ชั่วโมง


3.ไข่ไก่


4.ไข่ต้มเอาเฉพาะไข่แดง


5. น้ำมันพืช

วิธีทำ
1.นำข้าวเหนียวที่แช่น้ำมานึ่งให้สุก แล้วนำมาเทลงในกระด้งแล้วคนไปมาให้ไอน้ำออก

2.นำข้าวเหนียวที่ที่นึ่งสุกใหม่ไปโขลกให้ละเอียดด้วยครกมอง

3.พอข้าวเหนียวละเอียดพอประมาณใส่ไข่โขลกให้เข้ากันกับข้าวเหนียว

4.เติมน้ำตาลโขลกให้เข้ากับข้าวเหนียว

5.นำ ข้าวเหนียวที่ผสมกับน้ำตาลกับไข่เสร็จแล้วนำไปปั้นเป็นก้อนกลมๆพอประมาณ นำไข่แดงที่ต้มสุกแล้วผสมให้เข้ากันแล้วทามือและทาแผ่นพลาสติกเพื่อไม่ให้ แป้งติดกับแผ่นพลาสติก แล้วใช้ถุงพลาสติกที่ตัดไว้วางบนแผ่นกระเบื้องที่ทำความสะอาดเสร็จแล้ว นำข้าวเหนียวที่ปั้นไว้วางบนแผ่นพลาสติก

6.นำแผ่นถุงพลาสติกวางทับแล้วนำกระเบื้องวางทับอีกที แล้วกดให้แป้งกระจายออกเป็นแผ่น  วงกลม

7.นำแป้งที่กดเป็นวงกลมวางบนเสื่อที่ทำความสะอาดแล้ว

8.ทำแบบนี้เรื่อยๆจนแป้งหมด

9.แล้วนำข้าวโป่งที่ทำเสร็จมาผึ่งแดดไว้ประมาณ3-4วันแล้วเก็บใส่กล่องปิดฝาให้สนิด


10.นำไปย่างไฟให้พองขึ้นพอเหลืองก็สามารถรับประทานได้

                                    ขั้นตอนเเละวิธีการทำข้าวต้มมัด


  
       ส่วนผสม


     1. ข้าวเหนียว 1 กิโลกรัม แช่ในน้ำอย่างน้อย 3 ชม. ล้างน้ำให้สะอาด


     2. หัวกะทิ 3 ถ้วยตวง


     3. เกลือ 3 ช้อนโต๊ะ

     4. กล้วยน้ำว้า 15 ลูก ผ่าตามยาวครึ่งลูก

     5. ถั่วดำหรือถั่วขาว 3 ขีด นำถั่วไปต้มพอสุกแล้วตักวางใส่กระชอนวางให้สะเด็ดน้ำ

      วิธีทำ

     1. นำข้าวเหนียวที่ล้างน้ำสะอาดแล้วใส่กระทะ พักไว้

     2. ผสมหัวกะทิ กับเกลือ ให้เข้ากัน แล้วชิมดู ถ้าไม่เค็มให้เติมให้มีรสเค็ม

     3. นำกะทิที่ได้รสเค็มเทใส่ข้าวเหนียว แล้วใส่ถั่วขาวหรือถั่วดำที่ต้มแล้วลงไป แล้วนำไปตั้งไฟแล้วผัด

     4. ผัดจนกว่ากะทิแห้ง แล้วยกลงจากเตา

     5. วางใบตอบ 2 ขนาดซ้อนกัน หยิบข้าวเหนียวที่ผัดได้ที่แล้ววางบนใบตอง

     6. เอากล้วยที่ผ่าซีกวางลงไป แล้วหยิบข้าวเหนียวมาวางปิดกล้วยให้มิด

     7. ห่อข้าวต้มให้สวยงาม แล้ววางไว้ก่อน หรือห่อไปเรื่อยๆ จนหมด

     8. นำข้าวต้มที่ห่อเรียบร้อยแล้วมาจับคู่ หันหน้าเข้าหากันแล้วมัดรวมกัน หัวท้าย (ดูในรูปเอานะคะ)      

     9. นำข้าวต้มที่มัดเป็นคู่แล้วไปนึ่ง 45 นาที หรือ จนข้าวเหนียวสุก แค่นี้ก็เสร็จขั้นตอนนำมาทานได้แล้ว แต่ต้องรอให้เย็นก่อนนะ ไม่งั้นปากจะพองได้